วันก่อนได้คุยกับพี่ที่เคยเรียนด้วยกัน สมัยอยู่ Seattle แกว่ามีบริษัทนึง (จดทะเบียนในตลาดหุ้นด้วย) มาขอเช่าที่แก 5 ไร่ ติดเส้นรถไฟฟ้า เพื่อจะทำเป็น Community Mall
ให้ค่าเช่า 250 ล้านบาท ทำสัญญา 30 ปี
ฟังดูครั้งแรกคิดว่าเยอะมาก เพราะเงินหลักร้อยล้าน ไม่ใช่จะมีกันได้ง่ายๆ แต่เงินก้อนนี้ จะไม่ได้ในทีเดียว ทางบริษัทผู้เช่า จะจ่ายให้เป็นงวดๆ โดยจะตกปีละประมาณ 8-9 ล้านบาท หรือตกเดือนละประมาณ 7 แสนบาท
รายได้ 7 แสนบาท/เดือน ฟังดูอาจจะมาก แต่ถ้าเรามีเงินก้อน มาลงทุนในพื้นที่ทำเลติดรถไฟฟ้า เช่น ทำ Service Apartment หรือ หอพักชั้นดี ขนาดซัก 100 ห้อง บนพื้นที่ 2 ไร่ ถ้าปล่อยเช่าเต็มหมด จะได้ค่าเช่า + รายได้อื่นๆ ตกเดือนละ 6 แสนกว่าบาท/เดือน ยังไม่รวมโอกาสในการปล่อยเช่าป้ายโฆษณาอีกเดือนละไม่ต่ำกว่า 5-6 หมื่นบาท (หรืออาจจะมากกว่านั้น)
พอเวลาผ่านไปรายได้ค่าเช่า ก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราเงินเฟ้อ และแซงรายได้แบบคงที่ในที่สุด แถมเรายังเหลือพื้นที่ให้ทำประโยชน์อย่างอื่นอีกเกือบ 3 ไร่
ที่ดินถึงแม้จะไม่สร้างกระแสเงินสดให้เรา เหมือนลงทุนในพันธบัตร หรือหุ้นสามัญ แต่ถ้าเราซื้อที่ดินในทำเลที่คาดว่าน่าจะพัฒนาต่อไปได้ (แถบชานๆ เมือง) เก็บเอาไว้ในราคาที่เหมาะสม เมื่อเวลาผ่านไป ความเจริญแผ่ไปถึง ที่ดินพวกนี้ ก็สามารถเอามาทำประโยชน์ได้ อาจจะปล่อยเช่าได้ราคาสูงๆ หรืออาจจะเอามาใช้ประกอบธุรกิจเองก็ได้
มีเงินเหลือเก็บ ก็ซื้อที่ดินถูกๆ เก็บไว้ แต่อย่าไปเก็งกำไรในมูลค่าที่ดิน เพราะเงินจะไปจมกับที่ดินราคาแพง จนไม่มีกระแสเงินสด ไว้ใช้ยามมีโอกาสในการลงทุนด้านอื่นๆ